Saturday, February 17, 2007

จอดซะสามช่อง เหลือให้คนอื่นใช้แค่สองช่องก็พอแล้ว

ปัญหาการจราจรติดขัดหน้าโรงเรียนชื่อดังต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ เป็นปัญหาที่แก้ไขกันไม่จบไม่สิ้นเสียที ทั้งตำรวจและทางโรงเรียนเองพยายามออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อทำให้การจราจรหน้าโรงเรียนเป็นไปได้อย่างสะดวก แต่ก็ไม่ได้เรื่องได้ราวขึ้นมาเท่าไหร่นัก เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะในหลักการของการวางแผนการจราจร เด็กนักเรียนประถมศึกษาที่ยังไม่สามารถโดยสารระบบขนส่งมวลชนได้ด้วยตนเอง จะต้องเรียนในโรงเรียนละแวกบ้านที่อยู่ในระยะเดินเท้าที่เดินไปกลับได้ด้วยตนเอง ส่วนนักเรียนที่โตกว่านั้นก็สามารถเข้าเรียนโรงเรียนที่ไกลขึ้นได้ เพราะโตพอที่จะเดินทางด้วยตนเองโดยระบบขนส่งมวลชนได้แล้ว แต่ในประเทศไทย ระบบการศึกษาแต่ละระดับมีคุณภาพแตกต่างกันไปในแต่ละโรงเรียน แน่นอนว่าเมื่อมีความแตกต่าง ผู้ปกครองที่มีโอกาส มีฐานะดีกว่าก็อยากให้ลูกตนเองเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพดี ทำให้เกิดปัญหาการเดินทางไกล และการรับส่งบุตรหลานหน้าโรงเรียนชื่อดังตามมา


ตัวอย่างเช่น โรงเรียนสาธิตฯ ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งบนถนนอังรีดูนังต์ นักเรียนบางคนเดินทางมาจากจังหวัดในปริมณฑล และนักเรียนพวกนี้มีมากถึงขนาดมีรถตู้ประจำทางมาจากจังหวัดต่าง ๆ เพื่อรับส่งนักเรียนโรงเรียนนี้โดยเฉพาะ ดังนั้น ในช่วงเวลาเลิกเรียนจะมีรถมาคอยรับส่งนักเรียนอยู่เป็นจำนวนมาก ขนาดจะต้องจอดซ้อนกันถึงสามชั้น ทำให้เหลือช่องทางสำหรับรถอื่น ๆ อีกเพียงแค่สองช่องทางเท่านั้น ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด แต่ตำรวจจราจรก็ดูเหมือนจะปลงกับปัญหานี้แล้ว เพราะรถที่มาจอดส่วนใหญ่ก็เป็นรถของท่านที่มีเส้นมีสายพอที่ตำรวจจะไม่แจกใบสั่งให้ได้ อย่างในภาพบน รถตู้ที่กลับรถแล้วติดรถที่จอดอยู่ จนตั้งถอยหลังอีกครั้งจึงจะกลับได้นั้น เป็นรถตราโล่ห์ของตำรวจเอง แม้ตำรวจจะพบกับความลำบากในการใช้งานเองแล้วก็ตาม ปัญหาก็ยังคงอยู่ต่อไป เพราะปัญหาไม่ได้เกิดจากการจัดการด้านการจราจร แต่มีต้นเหตุอยู่ที่ระบบการศึกษาของประเทศไทยนั่นเอง