Friday, April 27, 2007

กรุงเทพฯ "เมืองแห่งมลภาวะ"

ขนาดของเมืองและจำนวนประชากรในเมืองกำหนดได้จากบริการพื้นที่ฐานที่เมืองสามารถให้บริการและจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ปริมาณน้ำใช้ที่สามารถผลิตให้กับเมืองได้ ก็เป็นตัวกำหนดว่าเมืองห้ามมีขนาดประชากรเกินเท่านั้นเท่านี้ เพราะถ้าเกินนี้แล้ว ไม่มีน้ำอุปโภคบริโภคนะ หรือถ้ามีก็แพงมาก เพราะต้องเอามาจากที่อื่น คุณภาพอากาศก็สามารถนำมาเป็นตัวชี้วัดขนาดประชากรและขนาดของเมืองได้เช่นกัน เช่น ถ้ามีรถยนต์เกินเท่านั้นเท่านี้คัน สภาพอากาศในเมืองจะแย่เกินกว่าที่มนุษย์จะอยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ แต่เรื่องอย่างนี้ผู้รับผิดชอบกรุงเทพฯ ไม่เคยคิดได้เลย

ภาพคนกรุงเทพฯ ที่ต้องทนใส่หน้ากากกันฝุ่นละอองกลายเป็นเรื่องปกติขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่าอากาศในกรุงเทพฯ มึคุณภาพแย่มากจนพลเมืองต้องยอมลำบากใส่หน้ากากกันแล้ว แต่หน่วยงานของรัฐกลับไม่สนใจที่จะแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ปล่อยให้มีรถยนต์ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้นทุกวัน ส่วนรถเก่าที่ก่อควันดำ ก็ตรวจกับกันเป็นช่วง ๆ ที่จะได้หน้าได้ตาต่อประชาชนเท่านั้น พลเมืองกรุงเทพฯ จึงต้องทนกันต่อไป จนถึงวันหนึ่งที่ญาติพี่น้องของผู้รับผิดชอบได้รับผลกระทบนี้เมื่อไหร่ พลเมืองกรุงเทพฯ ก็จะได้มาตรการที่เข้มงวดขึ้นสักช่วงหนึ่ง สักพักพอชินแล้ว มาตรการก็ถูกยกเลิกไปอีก เราจะเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า วัฏจักร หรือ สัจธรรมดีนะ