ถ้าใครติดตามข่าวอยู่เสมอ ๆ จะพบข้อสังเกตประการหนึ่งว่า การเกิดอาชญากรรมต่อบุคคลและอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่เป็นที่น่าสนใจของสังคมมักจะเกิดบนทางหลวงสายประธานของประเทศ เช่น การขว้างหินใส่ยานพาหนะที่วิ่งผ่านไปมาเพื่อปลดทรัพย์หรือจะระบายอารมณ์ก็ตาม อุบัติเหตุรระหว่างยานพาหนะต่างขนาดกันมาก ๆ เช่น ถบรรทุกชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างตายยกครัว เป็นต้น สังคมมักจะตีความสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ว่าเป็นที่ตัวบุคคลผู้ก่อเหตุ ไม่ว่าจะเป็นสันดานโจรสำหรับการก่ออาชญากรรม และความประมาทในกรณีของการเกิดอุบัติเหตุ
แต่ที่น่าสนใจกว่าสาเหตุที่มาจากตัวบุคคลก็คือ ท้องเรื่องน่าเศร้าใจเหล่านั้นมีสถานที่แห่งเดียวกันคือ "ทางหลวงแผ่นดิน" ทำไมปาไข่ ปาหิน ไม่ค่อยเกิดบนถนนซอยหน้าบ้าน และทำไมรถสิบล้อไม่ชนกับมอเตอร์ไซค์ในเมืองบ่อยนัก เมื่อวิเคราะห์โดยเอาพื้นที่เป็นที่ตั้งมีข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า นอกเหนือจากต้นเหตุจากอารมณ์หรือพฤติกรรมของมนุษย์แล้ว ยังมีสาเหตุเกิดจากการใช้พื้นที่ผิดประเภทมาส่งเสริมให้มีโอกาสและความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุร้ายบนทางหลวงแผ่นดินมากขึ้นอีก โดยแยกวิเคราะห์เป็นสองประเด็ตามหลักการการวางแผนการขนส่งด้วยหลักการสำคัญสองประการ คือ ทางหลวงสายประธานต้องเป็นแบบ Limited Vehicle Type และ Limited Access
- Limted Vehicle Type การเกิดอุบัติเหตุรุนแรงระหว่างยานพาหนะต่างประเภท ตามหลักการวางแผนการขนส่งแล้ว ทางหลวงแผ่นดินที่เป็นสายประธานของประเทศ (ทางหลวงแผ่นดินที่มีหมายเลขเป็นเลขหลักเดียวและสองหลัก เช่น พหลโยธิน (หมายเลข ๑) มอเตอร์เวย์ (หมายเลข ๗) สายเอเชีย (หมายเลข ๓๒)) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้เป็นเส้นทางที่เชื่อมโยงระยะไกล ต้องเป็นทางหลวงประเภทจำกัดประเภทยานพาหนะ (Limited Vehicle Type) ดังนั้นทางหลวงสายประธานจึงอนุญาตให้วิ่งได้เฉพาะยานพาหนะขนาดใหญ่เพื่อการเชื่อมโยงระยะไกล สามารถทำความเร็วได้สูง มีความแข็งแรง สามารถให้ความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ได้ในระดับสูง เท่านั้น เพื่อลดความเสียหายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพื่อเสริมความปลอดภัยต่าง ๆ อีกด้วย เช่น การแยกความเร็วในแต่ละช่องทางด้วยการให้รถช้าวิ่งชิดซ้าย การกำหนดให้รถบรรทุกวิ่งในช่องซ้ายมือเท่านั้น การจำกัดความเร็วทั้งความเร็วสูงสุดและความเร็วต่ำสุด (ไม่มีในประเทศไทย) ส่วนยานพาหนะขนาดเล็กอื่น ๆ เช่น จักรยาน จักรยานยนต์รับจ้าง รถสี่ล้อขนาดเล็ก ไม่สามารถใช้ทางหลวงสายประธานได้ เนื่องจากตามหลักการวางแผนการขนส่งแล้ว ยานพาหนะขนาดเล็กเหล่านี้ถูกพิจารณาว่าเป็นยานพาหนะที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงระยะใกล้ ด้วยความเร็วต่ำ จึงไม่ต้องวิ่งบนทางหลวงที่เชื่อมโยงระยะไกล แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว ทางหลวงสายประธานอนุญาตให้ยานพาหนะทุกประเภทใช้งานได้ แม้กระทั่งการเดินเท้าบนทางหลวงสายประธาน จึงนำมาซึ่งอุบัติเหตุ อีกทั้งอาชญากรมักจะใช้จักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการประกอบอาชญากรรม การอนุญาตให้จักรยานยนต์มาวิ่งบนทางหลวงสายประธานได้ เท่ากับเป็นการเพิ่มเส้นทางประกอบอาชญากรรมและเส้นทางในการหลบหนีด้วย
- Limited Access ทางหลวงสายประธานจะต้องสามารถเข้าและออกได้ในจุดที่กำหนดไว้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้เข้าถึงกิจกรรมหรือมีกิจกรรมใด ๆ ในเขตทาง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและอาชญากรรม เนื่องจากการเข้าและออกจากทางหลวงสายประธานจะมีการเปลี่ยนช่องทางและการเปลี่ยนระดับความเร็วของยานพาหนะจำนวนมาก และการมีกิจกรรมสองข้างทางที่สามารถเข้าออกได้โดยตรงจากทางหลวงแผ่นดินคือการเปิดโอกาสให้อาชญากรเข้าออกมีที่ซุกซ่อนตัวได้อย่างสะดวก แต่ทางหลวงสายประธานในประเทศไทยกลายเป็นทางเข้าออกของแปลงที่ดินตลอดแนวถนน อีกทั้งยังมีร้านค้ามาตั้งอยู่บนเขตทางอีกด้วยทั้ง ๆ ที่ผิดกฎหมาย ผู้เขียนเคยดูข่าวเรื่องการขว้างหินใส่รถยนต์บนถนนบรมราชชนนี เมื่อจับคนร้ายได้ก็มีการไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภาพข่าวที่เห็นคือคนร้ายใช้ร้านขายส้มโอที่บุกรุกเขตทางเป็นที่ก่อเหตุ ตำรวจไปทำแผนฯ กันอยู่หลายสิบคน แต่กลับไม่สนใจจะจับกุมร้านค้าเหล่านั้นในข้อหาบุกรุกเขตทางแต่อย่างใด เพราะสังคมไทยถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ใครมีที่ดินสองข้างทางหลวงสายประธานก็ร่ำรวยไป ส่วนคนที่ไม่มีที่ดินก็ใช้การบุกรุกเขตทางเอาก็ได้ เพราะเป็นสังคมแบบใครดีใครได้ ใครเกิดอุบัติเหตุหรือได้รับเคราะห์กรรมจากอาชญากรก็เป็นความซวยของคนนั้นไปเอง ภาครัฐไม่ผิดที่อนุญาตให้ใช้ทางหลวงสายประธานอย่างผิดหลักการทางการวางแผนระบบขนส่ง เคยมีข่าวว่ากรมทางหลวงไล่รื้อเพิงขายของในเขตทาง แต่เจอเจ้าของร้านประท้วง และนักการเมืองทั้่งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติก็สนับสนุน เพราะเป็นฐานเสียงสำคัญทางการเมือง
เมื่อพิจารณาไปเรื่อย ๆ ก็ได้ข้อสรุปว่า นี่เป็นเพียงปรากฎการณ์หนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยมีพื้นฐานอยู่บนหลักการของความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน แต่มีหลักการอยู่บนความสะดวกสบายและความพอใจของประชาชนที่เป็นฐานเสียงเป็นหลัก ดังนั้น ความปลอดภัยจึงกลายเป็นเรื่องรองไปตามธรรมชาติ ซึ่งก็คงต้องยอมรับสภาพกันต่อไป