Friday, September 14, 2007

ปัญหาเรื่องผลกระทบทางเสียงจากการบินที่สุวรรณภูมิ ไม่ใช่เรื่องที่ ทอท. ต้องจ่ายเงินค่าชดเชย

ผลกระทบทางเสียงและของเสียจากการบินในพื้นที่รอบ ๆ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน และในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัญหาเริ่มก้าวไปสู่ทางตัน ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนเดินขบวนไปประท้วงที่สนามบิน และขู่ว่าจะปล่อยลูกโป่งเพื่อรบกวนเครื่องบินขึ้นลงเป็นการตอบแทนบ้าง การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยถูกเรียกร้องให้ออกมารับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งมีการประมาณการณ์ว่า ถ้าจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด จะต้องใช้งบประมาณเท่ากับค่าก่อสร้างสนามบินสุวรรรณภูมิเลยทีเดียว

ประเด็นปัญหานี้ สังคมแตกแยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่หนึ่ง ในมุมของผู้ได้รับผลกระทบจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความเห็นว่า ทอท.ควรรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ในมุมของกลุ่มที่สอง คนจำนวนหนึ่งกลับมองว่า สนามบินแห่งนี้ถูกกำหนดให้อยู่ตรงนี้มาห้าสิบปีแล้ว ตั้งแต่พื้นที่ยังเป็นทุ่งนาไม่มีบ้านเรือนอยู่เลย แล้วชาวบ้านเหล่านั้นก็อพยพย้ายเข้ามาอยู่ข้างสนามบินเอง แล้วจะมาบ่นทำไมว่าได้รับผลกระทบจากสนามบิน ก็มาอยู่ข้างสนามบินเองนี่หน่า แล้วการที่ ทอท.จะต้องมาจ่ายค่าชดเชยให้กับชาวบ้านเหล่านั้น ทอท.ก็ต้องหาวิธีเอาเงินมาแทนส่วนที่เสียไปให้ได้ นั่นหมายถึงค่าภาษีสนามบินที่เพิ่มขึ้นตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในความเห็นของผู้เขียนคิดว่า คนทั้งสองกลุ่มต่างก็ถูกต้องคนละครึ่ง ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบก็ควรจะได้รับการชดเชยอย่างเหมาะสม ทาง ทอท.เองก็ไม่ควรจะต้องจ่ายค่าชดเชย เพราะโครงการสนามบินอยู่ตรงนี้มาก่อนที่ชาวบ้านจะมาอยู่เสียอีก แล้วใครควรจะจ่ายเงินชดเชยล่ะ คำตอบง่าย ๆ คือ ผู้ที่อนุญาตให้หมู่บ้านจัดสรรสร้างขึ้นรอบสนามบิน หรือผู้ทีอนุญาตให้ชาวบ้านสร้างบ้านขึ้นมาได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นที่ดินรอบท่าอากาศยาน หรือถ้าไม่ได้อยู่ในเขตที่ต้องขออนุญาต ก็ต้องเป็นเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบกับผลกระทบนี้ เพราะได้เงินจากการซื้อขายบ้านและที่ดินในเขตที่ได้รับผลกระทบจากสนามบิน แถมบางที่ยังเอาการอยู่ใกล้ท่าอากาศยานมาเป็นจุดขายในป้ายโฆษณาเสียอีก จะให้ ทอท.มาเก็บภาษีสนามบินแพงขึ้นเพื่อมาชดเชยนั้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และยังส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของท่าอากาศยานลดลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่เป็นสนามบินนานาชาติของประเทศอื่น ๆ

ประเด็นในเรื่อปัญหาผลกระทบจากท่าอากาศยาน กลายเป็นประเด็นใหญ่ และ ทอท.ต้องมารับผิดชอบก็เพราะตัว ทอท.เองนั่นแหละที่วางบทบาทตัวเองในเรื่องนี้ผิด แทนที่ตัวเองจะทำตัวเป็นกรรมการ ให้ผู้ได้รับผลกระทบไปทะเลาะกับเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรผู้ที่หลอกลวงเขาว่าอยู่ใกล้สนามบินแล้วดี แต่ ทอท.ดันเอาตัวเองไปเป็นคนที่ทะเลาะกับชาวบ้านเสียเอง มีข่าวลือว่าเพราะมีแรงผลักจากการเมืองเข้ามาผลักดันให้ ทอท.เข้ามารับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะเป็นฐานเสียงทางการเมือง ซึ่งก็คงจะจริง แล้วก็ปล่อยให้ผู้โดยสารที่ไม่ควรจะต้องเสียค่าภาษีสนามบินแพงเกินความจำเป็นมาแบกรับค่าชดเชยแทนเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรต่อไป